"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics
โค้งสุดท้าย..ลงทุนคอนโด

โค้งสุดท้าย..ลงทุนคอนโด


สถานการณ์การลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์บ้านเรา โดยเฉพาะเซ็กเมนท์คอนโดมิเนียมนั้น เป็นไปแบบ "สองแรงแข็งขัน" นั่นคือ พลังทุนต่างชาติและพลังทุนไทย ทั้งเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ลงทุนและเก็งกำไร หนุนเนื่องให้ราคาคอนโดถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว คอนโดระดับพรีเมียมจาก 1 แสนบาทต่อตารางเมตร ขึ้นเป็น 2 แสนบาท

"โอกาสของตลาดในช่วงนี้ น่าจะเป็นของกลุ่มคนมีเงินเย็นมากกว่า เพราะดอกเบี้ยเมืองไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น การกู้เงินมาเพื่อเก็งกำไรคอนโดจึงมีความเสี่ยงมาก"

กระทั่งทำเลนอกสายตา จากราคา 3 หมื่น 4 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ก็รับอานิสงส์ปรับราคาใหม่ด้วย

ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายคอนโดมิเนียมเป็นไปอย่าง "หวือหวา" อีกครั้ง

ต้องยอมรับว่า "ทุนต่างชาติ" คือ ผู้ปั่นกระแสร้อนของการลงทุนในอสังหาฯ เพราะภาวะเงินบาทที่แข็งค่าด้วยกระแสเงินจากต่างชาติที่ไหลทะลักเข้ามา ไม่ว่าจะด้วยเงินทุนระยะสั้น หรือระยะยาว ส่วนหนึ่งของเม็ดเงินสัญชาตินอกถูกเทน้ำหนักมาที่การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

เฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีทั้งการลงทุนในแบบถือหุ้นในบริษัทต่างๆ เพื่อพัฒนาโครงการเอง และเพื่อการลงทุนแบบส่วนตัว

การเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติแบบ "เฉพาะบุคคล" นั้น ต้องเรียกว่า "มาแรงสุด" เพราะไม่เพียงแต่จะเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย เป็นบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านพักตากอากาศเท่านั้น แต่ยังเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนอีกด้วย

ด้วยเหตุผลที่อสังหาริมทรัพย์เมืองไทย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในทำเล ซี-บี-ดี ที่กรุงเทพฯ ถ้าเทียบกับทำเล ซี-บี-ดี ที่เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง สิงคโปร์แล้ว ยังถูกกว่าหลายเท่านัก

“คอนโดบ้านเราแพงสุด อยู่ที่ 2 แสนบาทต่อตารางเมตร แต่บ้านเขาขายกันที่ตารางเมตรละล้านบาท ต่างชาติเลยสนใจซื้อพร็อพเพอร์ตี้ในไทยมาก เพราะอยู่เองก็ได้ หรือถ้าไม่อยู่เอง ขายต่อก็ยังมีกำไร” อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าว

ขณะที่การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนของนักลงทุนไทยในกลุ่มรายย่อยเองก็ขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะลงทุนในคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองมีสูง ทำให้การลงทุนในเซ็กเมนท์นี้ร้อนแรงอย่างเห็นได้ชัด

มีทั้งนักลงทุนแบบเก็งกำไร และนักลงทุนแบบระยะยาวหันเข้าตลาดกันคึกคัก หวังกำไรจากการขายใบจอง กำไรช่วงขายต่อเมื่อก่อสร้างเสร็จ หรือผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า

อีกทั้งภาวะดอกเบี้ยขาลง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลงัดมาใช้ในจังหวะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคถูกแช่แข็ง ดูแล้วเหมือนเอื้อการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี

เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงในภาคเงินฝาก ทำให้การฝากเงินได้ผลตอบแทนน้อยมาก ยิ่งเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ดึงดูดใจในอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งทำให้นักลงทุนรายย่อยเงินหนา มี "เงินเย็น" ดึงเงินฝากออกจากแบงก์มาลงทุนกันอย่างคึกคัก

ส่วนกลุ่มนักลงทุนรายย่อยทุนน้อย "ไร้เงินเย็น" ก็สนใจลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อ "ขายต่อ" หรือ "ปล่อยเช่า" ไม่แพ้กลุ่มที่มีทุนรอนเป็นของตัวเอง

โดยกลุ่มคนที่ซื้อเพื่อขายต่อ มี "หลายจังหวะ" ที่จะปล่อยขาย เช่น กลุ่มเก็งกำไรระยะสั้น จะเน้นขายใบจอง บวกกำไรที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10,000-20,000 บาทต่อตารางเมตร หรือยูนิตละประมาณ 1 แสนบาท

แต่นักลงทุนกลุ่มนี้มีโอกาสทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมล้มได้ ระยะหลังผู้ประกอบการจึงคุมเข้มการเปลี่ยนมือช่วงสั้นมากขึ้น ส่วนนักลงทุนที่หวังผลระยะยาว ก็รอขายในช่วงการก่อสร้างแล้วเสร็จ

อนุพงษ์กล่าวว่า โอกาสของตลาดในช่วงนี้ น่าจะเป็นของกลุ่มคนถือเงินยาว มีเงินเย็นมากกว่า เพราะอัตราดอกเบี้ยเมืองไทยไม่ใช่อัตราคงที่ และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น การกู้เงินมาเพื่อเก็งกำไรคอนโดมิเนียมจึงมีความเสี่ยงมาก

เขายังกล่าวต่อว่า การเลือกลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายอย่าง ทำเลต้องใช่ โปรดักท์ต้องดี และเจ้าของโครงการต้องน่าเชื่อถือ เพื่อการบริหารจัดการหลังขายที่ดี เพราะปัจจัยดังกล่าวมีส่วนเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการเมื่อมีผู้อยู่อาศัยจริง

"ช่วงนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนรายย่อยนิยมปล่อยขาย หรือถ้าเก็บไว้ปล่อยเช่าระยะหนึ่ง แล้วจึงปล่อยขาย การเลือกโครงการที่ได้รับการดูแลอย่างดี จะทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นได้หลายเท่า" อนุพงษ์กล่าว

เขายังกล่าวด้วยว่า คอนโดมิเนียมที่อยู่ในทำเลดี เดินทางสะดวก มีโอกาสที่ดีเสมอ แม้ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี โดยราคาอาจจะปรับตัวลงเล็กน้อย หรือไม่ก็คงที่ แต่พอภาวะตลาดดีขึ้น ราคาจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว

"อย่างเช่นโครงการปทุมวันรีสอร์ท เปิดขายเมื่อตอนปี 2540 ที่ราคา 42,000 บาทต่อตารางเมตร ช่วงปี 2541 ราคาหล่นมาอยู่ที่ 35,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ปัจจุบันราคาปรับตัวขึ้นไปมากกว่า 70,000 บาทต่อตารางเมตรแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่คอนโดมิเนียมระดับกลางตามแนวรถไฟฟ้าใกล้แหล่งชอปปิงต่างๆ จะปรับราคาขายขึ้นไปถึงระดับ 1 แสนบาทต่อตารางเมตร ได้ภายใน 1-2 ปีนี้" สำหรับทำเลคอนโดที่การปรับราคาเร็วและแรง คงหนีไม่พ้นคอนโดเกาะแนวรถไฟฟ้า ด้วย “ดีมานด์” ที่อยู่อาศัยในเมืองเป็นหลัก

จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่กระตุ้นให้กลุ่มคนที่ถือเงินเย็นหันมาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าทั้งเพื่อ "ขายต่อ" และ "ปล่อยเช่า" เพราะถึงไม่อยู่ในจังหวะที่ขายแล้วได้กำไรสูงสุด ก็ยังสามารถเก็บไว้ รอวันที่สามารถทำกำไรสูงสุดจึงขายต่อ

คอนโดมิเนียมเส้นสุขุมวิท สาทร สีลม ยังเป็นทำเลที่น่าสนใจมากที่สุด ราคามีโอกาสขยับไปถึงระดับ 1 แสนบาทต่อตารางเมตรได้ไม่ยาก เพราะดีมานด์ของต่างชาติและคนไทย ยิ่งหากเป็นโครงการไฮเอนด์ ราคาก็สามารถขยับไปถึง 2 แสนบาทต่อตารางเมตร

ขณะที่ย่านรัชดา-ลาดพร้าว และย่านส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าตากสิน-ท่าพระ ก็เริ่มน่าสนใจไม่แพ้กัน ปัจจุบันราคาขายเริ่มต้นของคอนโดมิเนียมย่านดังกล่าวไต่ระดับจาก 3-4 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ไปถึง 6-7 หมื่นบาทต่อตารางเมตรแล้ว

เช่น โครงการเดอะรูม ของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ในทั้ง 2 ทำเลดังกล่าวเปิดขายที่ราคาแตะ 7 หมื่นบาทต่อตารางเมตร หรือคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ของควอลิตี้เฮ้าส์ และโครงการวิลล่าสาทร ตากสิน ของที.ซี.ซี.แคปิตอลแลนด์ ก็กระโดดไปสร้างฐานราคาใหม่ให้กับย่านส่วนต่อขยายบีทีเอสตากสิน-ท่าพระ ได้พอสมควร

เรียกว่า ทำให้ย่านนี้มีราคาขายคอนโด ราคาที่ดินพุ่งกระฉูดเป็นเท่าตัว ส่วนทำเลรัชดา-ลาดพร้าว หลังจากที่หวือหวามาระยะหนึ่ง และมีผู้ประกอบการเข้าไปเปิดตัวเป็นจำนวนมากแล้ว ระดับราคาขายก็ขยับตัวสูงขึ้น

กระทั่งพฤกษาเรียลเอสเตท ที่เป็นเจ้าตลาดที่อยู่อาศัยระดับล่าง เมื่อเข้าไปเปิดคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ภายใต้แบรนด์ “ไอวี่ รัชดา” ก็ยังต้องเปิดขายที่ราคา 53,000-59,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งถือว่าสูงมาก และถ้ามองคู่แข่งรายอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกัน ราคาก็ไม่แพ้กันเลย

คอนโดมิเนียมแบรนด์ “ไลฟ์” ของกลุ่มเอพี ก็เปิดขายที่ 63,000 บาทต่อตารางเมตร และมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ในย่านนี้อีก ด้วยราคาขายที่ 65,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร

แต่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ราคาของย่านนี้อาจขยับขึ้นได้อีกไม่มากนัก เพราะความฮอตยังสู้ย่านสีลม สาทร สุขุมวิทไม่ได้ เนื่องจากดีมานด์ส่วนใหญ่ของย่านนี้ยังเป็นของคนไทย เป็นกลุ่มคนทำงานตอนต้น

การลงทุนในคอนโดมิเนียมยุคนี้ยังสะดวกมากขึ้น ตรงที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใส่เฟอร์นิเจอร์ให้ครบหมดแล้ว เพราะทุกเจ้าต้องสู้กันด้วยความเป็น “ฟูลลี่ เฟอร์นิช” ทำให้คนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าต่อ ไม่ต้องลงทุนซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าตกแต่งแล้ว สามารถปล่อยเช่าได้ทันที

เจ้าของโครงการบางแห่ง รับดูแลเรื่องหาคนเช่าให้ด้วย

โดยขนาดการลงทุนหรือไซส์ห้องที่สามารถเปลี่ยนมือได้คล่องตัวมากสุด หรือถ้าปล่อยเช่า ทำเลดี ก็มีตลาดรองรับแน่นอน สำหรับคนไทยจะเป็นห้องแบบสตูดิโอ และวันเบดรูม

"ถ้าลงทุนซื้อห้อง ราคา 2 ล้านบาท ผ่อนต่อเดือนอยู่ที่ 14,000 บาท สามารถปล่อยเช่าได้ 20,000 บาทต่อเดือน" แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม

แต่ถ้าต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ กลุ่มนี้จะนิยมแบบวันเบดรูม ปล่อยเช่าได้ที่ 25,000 บาทต่อเดือน และแบบทูเบดรูม อยู่ที่ 50,000-60,000 บาทต่อเดือน

หรือถ้าเป็นทำเลสุขุมวิท ชิดลม หลังสวน สาทร ห้องสตูดิโอ ขนาด 40 ตารางเมตรพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ก็ปล่อยเช่าได้สูงถึง 35,000-50,000 บาทต่อเดือนแล้ว

อย่างไรก็ตามตัวเลขของราคาขายที่ปรับตัวหวือหวา ไม่ควรเป็นปัจจัยเดียวที่นักลงทุนรายย่อยใช้เป็นสิ่งดึงดูดความสนใจให้กระโจนเข้ามาลงทุน ทำกำไรในคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง แต่ต้องพิจารณาอีกหลายปัจจัย โดยเฉพาะแหล่งที่มาของเงินลงทุน เงินสดในกระเป๋า ว่าพร้อมที่จะเสี่ยงต่อการลงทุนแล้วหรือไม่

เพราะอย่างที่กล่าวมาแล้วว่า การลงทุนแบบใช้ "เงินกู้สูง" ในช่วงนี้ "เสี่ยงมาก" เนื่องจากในความเป็นจริง การลดลงของดอกเบี้ยบ้านเราในขณะนี้ เป็นดอกเบี้ยที่ปรับลดลงตามนโยบายของภาครัฐ ไม่ใช่การลดลงตามภาวะที่แท้จริงของตลาด

โอกาสที่ดอกเบี้ยจะกลับเข้าสู่ภาวะขาขึ้นจึงมีสูงมาก

"ดอกเบี้ยทั่วโลกเป็นดอกเบี้ยขาขึ้น บ้านเราดอกเบี้ยลงก็จริง แต่ไม่มาก และยังเป็นดอกเบี้ยนโยบาย ที่มีแนวโน้มจะเข้าสู่ภาวะขาขึ้นได้อีก ผู้ที่ถือเงินน้อยและกู้เงินมาลงทุน ต้องระมัดระวัง" รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว

ภาพของดอกเบี้ยขาลงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อาจเป็นเพียงภาพลวงตาของอัตราดอกเบี้ยที่ดูเหมือนลดลง แต่ไม่ใช่การลดลงระยะยาว เพราะในช่วงปลายปีอาจปรับตัวสูงขึ้นได้อีก เห็นได้จากเมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เริ่มส่งสัญญาณแล้วว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยใกล้เข้าสู่จุดต่ำสุดแล้ว

หากมีการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก ก็คาดว่าจะลดได้แค่ 0.25% และหลังจากนั้นในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ดอกเบี้ยมีโอกาสปรับขึ้น ซึ่งเป็นไปตามการปรับตัวของเศรษฐกิจ โดยธอส.เองก็เริ่มขยับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีขึ้นบ้างแล้ว จาก 4.99% เป็น 5-5.5% เพื่อให้สอดรับกับภาวะของดอกเบี้ยในอนาคต

นักลงทุนรายย่อยและผู้ซื้อคอนโดจึงต้องระมัดระวัง ยามนี้ "ไม่ถือว่า" หมดโอกาส แต่ต้อง "เลือกลงทุน"

ลงทุนคอนโดไฮเอนด์ หนีตลาดแมส 'เกิดง่าย ตายง่าย'

แม้คอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้าราคา 2-3 ล้านบาท กำลังเป็นที่ "นิยม" ของคนไทย แต่ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อย่าง "สมพร บุรินทราธิกุล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บลจ.เอ็มเอฟซี ผู้ซึ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากว่า 25 ปี กลับเห็นว่า ไม่น่าสนใจที่จะซื้อเพื่อ "ลงทุน" และสร้างรายได้ในอนาคต

ทั้งเตือนภัยว่า อาจจะเกิดปรากฏการณ์.. "เกิดง่าย ตายง่าย"

ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รายนี้ แนะให้เลือกลงทุนในคอนโดมิเนียม "ชั้นดี" ย่านใจกลางและริมน้ำที่มีผู้เช่าต่างชาติ เพราะมีโอกาสได้ผลตอบแทนดีไม่ต่ำกว่า 6-7% ต่อปี

"สมพร" มองว่า การซื้อคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า น่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยของคนทำงานในเมืองมากกว่าจะเป็นการลงทุน เพื่อแสวงหาผลตอบแทน เพราะโครงการเหล่านี้อาศัยจุดขายจับกลุ่มแมส (Mass) ของกลุ่มคนที่มีรายได้ระดับกลาง 4-5 หมื่นบาท ซึ่งหากหวังผลตอบแทนเพื่อการลงทุน จะทำให้มีโอกาสเกิดง่ายและตายง่าย

"เกิดง่าย ตายง่าย คือการมีซัพพลาย (ปริมาณคอนโดมิเนียม) ออกมาจำนวนมาก ภายในเวลาอันรวดเร็ว กว่า 100 ยูนิตในแนวรถไฟฟ้า ทำให้โอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นเป็นไปได้ช้า ขณะที่คุณภาพของวัสดุอยู่ระดับกลางถึงต่ำ ทำให้คุณภาพของคอนโดไม่ดีนัก

นอกจากนั้น เมื่อซื้อโครงการเหล่านี้ไว้อาจมีปัญหามากเมื่อต้องการ "ขาย" เปลี่ยนมือ เพราะคนที่ต้องการก็มีคอนโดมิเนียมแล้ว ทำให้ขายต่อได้ยาก รวมถึงโอกาสที่จะได้รายได้จากการปล่อยเช่ามีน้อย เพราะชาวต่างชาติจะไม่สนใจเช่าอยู่"

หลักการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในมุมมองของสมพร เห็นว่า กรณีที่มีจำนวนเงินลงทุนราว 7-8 ล้านบาท ควรเลือกซื้อคอนโดมิเนียมชั้นดี ที่มีทำเลอยู่ในใจกลางเมือง หรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ทันสมัย การเดินทางสะดวก

ที่สำคัญต้องมีผู้ซื้อหรือผู้เช่าเป็นชาวต่างชาติ จะทำให้มูลค่าเพิ่มค่าขึ้นอย่างมาก และมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจราว 6-7% ต่อปี

"หากตอนนี้มีเงินลงทุนในมือ 7-8 ล้านบาท หรือกู้เพื่อมาลงทุน ควรซื้อคอนโดมิเนียมชั้นดี กลางเมืองหรือริมน้ำ แต่คอนโดริมน้ำก็ไม่ใช่ทุกที่จะดี ต้องเลือกทำเลที่ไปมาสะดวก ดีไซน์ทันสมัย เพื่อปล่อยเช่าให้แก่ชาวต่างชาติ ถึงจะทำให้ได้ค่าเช่าประจำในอัตราสูง เพียงพอกับคืนเงินกู้แบงก์ได้"

สมพรบอกว่า ปัจจัยที่สำคัญสำหรับผู้ลงทุนก็คือ ต้องดูโครงการเป็น ทั้งผู้บริหารอาคารว่าเป็นใคร ดีเวลลอปเปอร์มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน เอาใจใส่ลูกค้า ไม่ทิ้งโครงการ

นอกจากคอนโดมิเนียมชั้นดีแล้ว สมพรแนะนำให้ลงทุนใน "ที่ดินเปล่า" อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งเขาคาดว่าผลตอบแทนยังมีสูงมาก แต่จะต้องเลือกที่ดินว่างเปล่าที่มีโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานกำลังจะไปถึง เช่น ถนนกำลังจะตัดผ่าน ใกล้ทางด่วน รถไฟฟ้า หรือที่ดินที่มีทางออก เป็นต้น

"โอกาสลงทุนในที่ดินเปล่ายังมีสำหรับบ้านเราที่ยังเป็นประเทศกำลังพัฒนา เพราะจำเป็นต้องมีโครงสร้างสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นอีกมาก วิธีเลือกที่ดีควรจะดูผังเมืองว่าแต่ละโซนหรือพื้นที่นั้นๆ กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปใช้ทำประโยชน์อะไร เช่น เดิมเป็นพื้นที่เกษตร กำลังจะเปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัย หรือโซนที่อยู่อาศัยกำลังจะเปลี่ยนเป็นพาณิชยกรรม ก็จะทำให้มีโอกาสได้กำไรจากการขายต่อได้สูง"

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในที่ดินเปล่า ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัวของผู้ลงทุน เข้าทำนองตาดีได้ ตาร้ายเสีย เพราะถ้าเลือกทำเลไม่ดีก็จะไม่มีกำไร แต่ถ้าได้พื้นที่ดีก็ได้กำไรสูงมาก

เขายังแนะนำผู้ลงทุนด้วยว่า เพื่อความมั่นใจเวลาซื้อที่ดิน ควรจะตรวจสอบโฉนดที่ดินก่อนเสมอ โดยยอมจ่ายเงินเป็นค่านายหน้า 3,000-4,000 บาท เพื่อประเมินราคา ตรวจสอบความถูกต้องของโฉนดกับพื้นที่จริงว่าถูกต้อง ติดจำนองหรือไม่ ผังเมืองใช้ทำอะไร เหล่านี้

"หากเราไม่ตรวจสอบก่อน จะไม่มีใครการันตีได้ว่าโฉนดนั้นถูกต้อง หรือไม่มีปัญหา"


ข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ bangkokbizweek / สุกัญญา สินถิรศักดิ์
วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ2550
//www.bangkokbizweek.com/20070704


Create Date : 07 สิงหาคม 2551
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 18:30:28 น. 2 comments
Counter : 823 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับข้อความที่เป็นประโยชน์ค่ะ


โดย: ไหมพรมสีสวย วันที่: 1 เมษายน 2552 เวลา:12:00:57 น.  

 
ตอนนี้ลงทุนคอนโดก็ยังโออยู่นะคะ


โดย: hanamaka วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:11:05:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.